ใครว่าเงินซื้อเวลาไม่ได้

ตอนที่ 3 :ใครว่าเงินซื้อเวลาไม่ได้

พอเราย้ายไป รพ. เอกชนใหญ่ปุ๊ป
คุณหมอก็จับเราตรวจทุกอย่างละเอียดมาก
X-ray เพิ่มทุกประเภท เจาะเลือดทุกตัวแม้แต่ HIV
ในใจคิดว่า กรูไปติดเชื้อตอนไหนวะ
อยู่อังกฤษนี่โสดสนิท และถ้าติดเชื้อกลับมา
นี่คงไม่ได้ตายด้วยโรคแน่ๆ แต่คงตายด้วยตีนป๊าก่อน

หลังจากนั้นหมอก็ขอ นัดทำ CT SCAN
ส่องกล้อง ทำ Biobsy (สุ่มตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ)
ทุกอย่างทำภายใน 3 วัน และผลก็ออกเลยเช่นกัน
เรียกได้ว่าใช้เงินซื้อเวลา ทำแล็ปทุกอย่าง
เพื่อหาต้นเหตุให้เร็วที่สุด ว่าเป็นโรคอะไร

ตอนที่หมอแจ้งผล CT SCAN
คุณหมอหน้าเครียดมาก บอกว่า
มีก้อนเนิ้อใหญ่อยู่ที่ปอด 9 CM
มีถุงน้ำเล็กๆ กระจายเป็นจุดๆเต็มปอด
มีน้ำไปล้อมรอบเยื่อหุ้มหัวใจ
และที่ท้องก็ดูเหมือนมีอะไรซักอย่างอีก
ประโยคแรกที่คุณหมอพูดออกมาคือ

“น่าจะเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะสาม”

ตัวเราไม่ได้ช็อคที่หมอพูด
แต่อึ้งตรงที่ป๊าถามกลับทันทีว่า

“แล้วคนไข้อยู่ได้อีกนานเท่าไหร่”

คุณหมอพยายามจะพูดเรื่องแผนการรักษาโน่นนี่นั่น
แต่ป๊าก็กดดันหมอมาก และถามคำเดิมว่า
ด้วยสภาพแบบนี้ เหลือเวลาอีกเท่าไหร่

“คิดว่า 6 เดือน ครับ”

ณ ตอนนั้นคือ เราไอหนักมาก กินไม่ได้
นอนราบไม่ได้ ท้องเสียวันละ 3-4 รอบ
หัวใจเต้น 130 ครั้งต่อนาที
ความดันยังต่ำมาก 75/42
ด้วยสภาพร่างกายแบบนั้น
ตอนนี้เราไม่ติดใจเลยว่าทำไมหมอพูดแบบนั้น

ครั้งแรกที่รู้ว่าเป็นมะเร็งและมีเวลาเหลือ 6 เดือน
สิ่งที่ถามออกไปประโยคแรกกับคุณหมอคือ
“หนูบินกลับไปสอบอาทิตย์หน้าได้มั้ยคะ แค่สอบก็จบแล้ว”
ด้วยนิสัยรักเรียนของคุณหมอและเรา
คุณหมอก็พยายามคิดหาทางให้เราได้กลับไป

แต่ ณ จุดนั้น ป๊าเสียบเบรกกะทันหัน พูดเสียงดังว่า

“ไม่ต้องไป ทิ้งไปซะ! ปริญญาโท เอาชีวิตไว้ก่อน
กรูเป็นคนจ่ายตังค์ยังไม่แคร์เลย”

วินาทีแรกที่ป๊าพูด ในหัวประมวลผลอย่างรวดเร็วว่า
– จะส่งอีเมล์บอกอาจารย์ที่อังกฤษอย่างไรดีว่าขอเลื่อนสอ
– ต้องโทรไปแจ้งร้านอาหารให้หาคนแทนก่อน
– เงินในบัญชีที่อังกฤษจะเอาออกมายังไงดีวะ
– ตั๋วเครื่องบินนี่เคลมเงินได้ไหม
– ภาษีที่ต้องจ่ายคืน
– ข้าวของที่อยู่นั่นเอาไงดี ตอนกลับมาดันพกมาแค่ Passport กับหนังสือ บัตร ปชช ไม่มี
– มีใครเป็นหนี้เราอยู่บ้างไหม เราเคยไปติดสัญญากับใครไหม

เรียกได้ว่าสิ่งที่เราเครียดและกังวลที่สุด
ไม่ใช่การเป็นมะเร็ง ไม่ใช่คนที่รู้ตัวว่าใกล้ตา
ไม่ใช่การกลัวตาย แต่กลัวไม่ได้ทำสิ่งที่อยากทำ
กลัวคนข้างหลังมีภาระ
เราเขียนทุกอย่างออกมาใส่กระดาษ
ทั้งรหัสบัญขี ATM Email เลขที่ห้องพัก
คล้ายๆลายแทง พิกัดต่างๆ พินัยกรรม
ถ้าเป็นอะไรไปคนข้างหลังจะได้เคลียร์เรื่องง่ายขึ้น

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดมากกว่าสมบัตินอกกาย คือ สติ !
เราจะมาร้องไห้มาอ่อนแอตอนนี้ไม่ได้
เราต้องเข้มแข็งเพื่อคนในครอบครัว
เราเชื่อว่ามันต้องรักษาได้
เราไม่อยากทำให้ป๊าม๊าเสียใ
และเราต้องผ่านมันไปได้ !

************************************************************************
Lab รพ เอกชนใหญ่ๆ ออกเร็วมาก 1 อาทิตย์ได้ผลชิ้นเนื้อเลย แถมระบุว่าเป็นโรคอะไร พร้อมแผนการรักษาว่าควรไปทางไหน ถ้าไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร มีประวัติครอบครัวไม่ค่อยดี ควรรีบไป รพ.เอกชน เพื่อทำแล็ปให้เร็วที่สุด และค่อยขอประวัติผล LAB ต่างๆไปปรึกษาหมอ รพ รัฐ เพื่อที่จะประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในระยะยาว สรุปว่าค่าสืบชะตาครั้งนั้นหมดไป 2 แสนกว่า กับแค่ตรวจร่างกายแค่ 4-5 วันนั้นค่ะ นี่ยังไม่ได้เริ่มรักษานะ!เบลล์ตรวจกับ รพ.เอกชน 5 ดาวค่ะ ที่ส่วนใหญ่มีแต่คนไข้ต่างชาติ

ก้อนเบลล์โต 9 CM ในวลา 9 เดือน (เทียบจากฟิลม์ที่แสกนก่อนไป) สรุป เดือนละ 1 CM ค่ะ ถ้าไปรอเข้าคิวทำ CT SCAN รพ.รัฐ หมอคงได้ชันสูตรศพและจุดธูปบอกแทนค่ะ ว่าเป็นโรคอะไร

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *