หลังจากแลนดิ้งลงเครื่องปุ๊
วันรุ่งขึ้นก็ไปหาหมอที่ รพ เอกชนที่หนึ่ง
เพราะเป็น รพ แถวบ้านที่เคยแอดมิดตอนเด็ก
ในใจคิดว่าหอบหืดกำเริบแน่ๆ
เนื่องจากตอนนอนจะมีเสียงลม
และเราก็เคยจับหืดตอนเด็กๆ
แต่ก็หายไปนานมากละนะตั้งแต่ 10 ขวบ
แต่เอาเถอะอาการหอบหืดแบบนี้
เดี๋ยวพ่นยาแป๊ปๆ ก็ลัลลาได้แล้ว
ชิวมากจ้า สบ๊ายย คุ้นเคยกันมาดี
หลังจากหมอซักประวัติเราแล้
ก็ไม่พูดอะไรมาก บอกแค่ว่า
“X ray ปอดให้หมอหน่อยนะครับ”
ได้เลยจ้า แค่ยืนถ่ายรูปเฉยๆ
ไม่ต้องโดนเจาะให้เจ็บตัวเล
แต่พอผล X-ray ออกปุ๊ป
หมอก็หน้านิ่งไม่พูดอะไรมาก
บอกแค่ว่า “มีก้อนขนาดใหญ่อยู่ที่ขั้ว
หมอชี้ให้ดูที่แผ่นฟิลม์
“เดี๋ยวหมอจะนัดมาทำ CT Scan พรุ่งนี้นะ”
เราเองก็งงเลยจ้า หมอคะ
“มันจะมีก้อนที่หน้าอกได้ยั
และก้อนใหญ่ขนาดนี้อาบน้ำทุ
ไม่เห็นจะมีส่วนไหนโผล่ออกม
หมอยังคงหน้าเฉยและขอตรวจร่
และไล่จับตั้งแต่ซอกคอลงมาถ
หมอคะ สรุปว่าหนูเป็นอะไรคะ
หมอยังหน้านิ่งเหมือนเดิม
และบอกว่าคิดว่าน่าจะเป็นพว
“ ซาโกม่า ไมลิโอมา ลิมโฟม่า …ม่า”
เราก็จดมาอย่างดี โรคอะไรวะ
มีแต่ลงท้ายด้วย ม่าม่า
หรือเราจะกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากไป
ไม่ใช่ละ นั่นมัน “มาม่า”
เรากินเยอะจนแม่งเป็นโรคเลย
แต่เอาเถอะเดี๋ยวไปสแกนพรุ่
ได้คิวทำพรุ่งนี้เลยก็ดีเหม
เพราะเหลืออีกแค่ 6 วัน
ต้องบินกลับไปสอบแล้ว
หลังจากนั้นก็โทรหาปาป๊า
รายงานให้เจ้าพ่อฟัง ด้วยเสียงที่ชิวมาก
“ฮัลโหลป๊า หมอเจอก้อนใหญ่ที่ปอด 8-10 CM พรุ่งนี้หมอให้มาสแกนอีกที ป๊าจะกินไรปะ กำลังจะกลับพอดี”
ด้วยสัญชาติญานความเป็นพ่อ ผ่านร้อนผ่านหนาว
มามากกว่า 50 ปี เจ้าพ่ออารมณ์พุ่งปรี๊ดขึ้น
“เมิงอยู่ไหน เดี๋ยวกรูไปรับ ไปตรวจอีก รพ.ด่วน”
ทำไมต้องตื่นเต้นวะ แค่เจอก้อน – -”
(ณ ตอนนั้นไม่รู้จริงๆว่า การเจอก้อนคือสัญญาณเตือนภั
ป๊าเลยบึ่งรถมารับด่วนและให้เราย้าย รพ.
ไปตรวจกับ รพ.เอกชนอีกแห่งที่ใหญ่กว่า
และแน่นอนก็แพงกว่าด้วย
ป๊าบอกว่าอยากให้มา รพ นี้เพราะเรามีประวัติการ X-ray ปอดที่นี่ก่อนเข้าอังกฤษ เมื่อ 9 เดือนที่แล้ว จะได้เทียบฟิลม์กันง่าย
โอเคฟังดูมี Logic ย้ายไปตรวจอีกที่ก็ได้วะ ในใจคิดว่ามันก็เหมือนๆกันอ
แค่ต้องไปยืนยืดอกถ่ายรูปอี
แต่เรื่องมันไม่ได้จบแค่ไปถ่ายรูปยืดอกนั่นสิ เพราะคืนนั้นเราไม่ได้กลับม