คิดบวกไม่ใช่โลกสวย ไม่ใช่เป็นการหลอกตัวเองและมองข้ามความเป็นจริง แต่เป็นการที่เราสามารถปรับมุมมองความคิดให้เกิดสิ่งดีๆขึ้น แม้ในยามที่ปัญหาและสถานการณ์มันแย่ก็ตาม
การฝึกคิดบวกบ่อยๆจะทำให้เราสามารถจัดการกับปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้เราผ่านพ้นมันไปได้เหมือนกับประโยคที่ว่า
“life isnt about waiting for the storm to pass, its’s about learning how to dance in the rain”
1.อยู่ในสภาวะแวดล้อมที่เป็นบวก
สิ่งแวดล้อมเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ความคิดเราเปลี่ยน ทั้งเพื่อนที่คุณคบ สังคมที่่คุณอยู่ และแน่นอนว่าในโลกออนไลน์ก็เกี่ยวด้วย หมั่นรับข้อมูลข่าวสารที่ดี เพื่อสร้างแรงจูงใจ กระตุ้นให้ตื่นรู้ มีความหวัง และมีความสุข คบแต่กัลยามิตรดีๆ เพื่อนที่คิดบวกจะส่งพลังทำให้คุณรู้สึกดีเวลาอยู่ใกล้ๆ
และทำให้คุณกลายเป็นคนอารมณ์ดี และคิดบวกตามไปด้วย
2.เลิกเป็นคนขี้บ่น
“วันนี้ซวยจัง” “ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าให้ทำแบบนี้……..” การที่เราบ่นบ่อยๆ เป็นการย้ำถึงความคิดด้านลบของเรา นอกจากทำให้คนฟังรู้สึกแย่ไปด้วยแล้ว ความคิดด้านลบก็จะฝังเข้าไปในจิตใจและอารมณ์ความรู้สึกเรา จนทำให้เรามองภาพทุกอย่างเป็นลบ จ้องคอยตำหนิคนอื่นตลอดเวลา
และทำให้มุมมองทัศนคติของคุณแย่ลง
- ยิ้มให้กับตัวเองหน้ากระจกทุกเช้า
การยิ้มให้กับตัวเองบ่อยๆ เป็นการย้ำเตือนและให้กำลังใจตัวเองในทุกๆวัน คุณอาจจะยิ้มหรือพูดกับตัวเองว่า “เราทำได้ และมันต้องเป็นไปได้”
การยิ้มยังทำให้อารมณ์ดีขึ้นอย่างรวดเร็วแล้ว ยังทำให้ความเครียดของเราลดลงอีกด้วย4. เขียนขอบคุณสิ่งดีๆทุกวัน
เขียนสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ว่าวันนี้มีอะไรดีๆเกิดขึ้นบ้าง ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ อาจเป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆที่ทำให้เรายิ้มและมีความสุขได้ เช่น ขอบคุณร่างกายที่ทำให้วันนนี้เราถ่ายออกแล้ว ขอบคุณพี่แท็กซี่ที่พาเรามาส่งบ้าน ขอบคุณเพื่อนที่ทำงานที่ลงไปข้างล่างซื้อของเป็นเพื่อน การเขียนบันทึกลงกระดาษ ทำให้สมองเราจดจำแต่สิ่งๆดีๆ และถ้าจดทุกวัน ก็จะทำให้เราคิดถึงแต่สิ่งดีๆอัติโนมัติ
- ให้มากกว่ารับคิดถึงคนที่ลำบากมากว่าเรา แต่พวกเขายังสามารถเอาชนะอุปสรรคในชีวิตและมีความสุขกับชีวิตได้
การอ่านประวัติของบุคคลพวกนี้จะทำให้คุณมีแรงบันดาลใจและมีกำลังใจในการใช้ชีวิตมากขึ้น โดยคุณอาจจะทำบุญ ทำทาน หรือ ให้สิ่งของแก่คนที่เขาขาดมากกว่า นอกจากอิ่มใจและสุขใจแล้ว คุณยังได้ตระหนักรับรู้ว่าชีวิตของคุณก็ไม่ได้แย่
การคิดบวกทำให้สุขภาพแข็งแรงโดยตรง
ผลจากการวิจัยของ Matin Seligman จากมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย พบว่า กลุ่มตัวอย่างที่คิดลบมากๆ ในระหว่างอายุ 25-65 ปี มีแนวโน้มที่ร่างกายจะทรุดโทรมและมีภูมิคุ้มกันที่แย่ลงมากกว่าคนคิดบวก
เพราะฉะนั้นเรามาฝึกคิดบวกกันเถอะ เพื่อที่จะได้เจอสิ่งดีๆและมีสุขภาพที่ดีตามมา
ผู้เขียน
เบลล์
อดีตผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะสุดท้าย